OpenLayers ตอนที่ 2

Standard

ได้เริ่มต้นกันไปแล้วในตอนที่ 1 ตามที่ได้กล่าวมาไว้ว่า เริ่มต้นกับ OpenLayers นั้นง่ายมากแต่จะเริ่ม Advance ก็ต้องใช้วิทยายุทธกันหน่อยเพราะ Document นั้นไม่ละเอียดแต่จะบอกเป็น Class กันไป

1. ทำงานกับ UTM Projection
โดยปกติจะมีค่าเป็น LonLat แต่เราสามารถทำการตั้งค่าให้ MapContruction ของเราเป็น UTM ก็ได้

// create a map with default options in an element with the id “map1″
var map = new OpenLayers.Map(“map1″);

// create a map with non-default options in an element with id “map2″
var options = {
maxExtent: new OpenLayers.Bounds(-200000, -200000, 200000, 200000),
maxResolution: 156543,
units: ‘meters’,
projection: “EPSG:41001″
};
var map = new OpenLayers.Map(“map2″, options);

หรือเราจะระบุเป็น Layer ไปก็ได้

var basemap = new OpenLayers.Layer.WMS( “Boston”,
“http://boston.freemap.in/cgi-bin/mapserv?”,
{
map: ‘/www/freemap.in/boston/map/gmaps.map’,
layers: ‘border,water,roads,rapid_transit,buildings’,
format: ‘png’,
transparent: ‘off’
},
{
maxExtent: new OpenLayers.Bounds(33861, 717605, 330846, 1019656),
maxResolution: 296985/1024,
projection:”EPSG:2805″,
units: “meters”
} );

2.setCenter or zoomToExtent

การจะใช้ Zoomtopoint ก็ไม่ยาก แค่ใช้คำสั่ง

map.setCenter(new OpenLayers.LonLat(lon, lat), zoom);

แต่มี ระยะ zoom นั้นมีข้อจำกัด ที่ถ้าจำไม่ผิด น่าจะ 14 หรือ 15

หากต้องการให้ละเอียดมากขึ้นอาจจะต้องใช้ คำสั่ง

map.zoomToExtent( new OpenLayers.Bounds(Yvalue-0.005,Xvalue-0.005, Yvalue+0.005, Xvalue+0.005));

3.สร้าง Markers
ต้องดำเนินการขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้

var url = ‘http://boston.openguides.org/markers/AQUA.png’;
var sz = new OpenLayers.Size(15, 22);
var calculateOffset = function(size) {
return new OpenLayers.Pixel(-(size.w/2), -size.h);
};
var icon = new OpenLayers.Icon(url, sz, null, calculateOffset);
markers = new OpenLayers.Layer.Markers(“markers”);
pointnode = new OpenLayers.LonLat(0,0);
marker = new OpenLayers.Marker(pointnode, icon);
markers.addMarker(marker);

และหากต้องการ removemarker

markers.removeMarker(marker);

4.ดู Bounding Box ปัจจุบัน
ต้องทำการ setBaseLayer สะหน่อย
ตัวอย่างง่าย ๆ
map.setBaseLayer(dem);
var box = map.getExtent();
jQ(‘span[name="ulx"]‘).html(box.left);
jQ(‘span[name="uly"]‘).html(box.top);
jQ(‘span[name="lrx"]‘).html(box.right);
jQ(‘span[name="lry"]‘).html(box.bottom);

แต่หากต้องการให้เปลี่ยนตลอด เมื่อ map มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องทำการ add Event ตามข้างล่างเป็นตัวอย่าง Event “moveend” กับ map

map.events.register(“moveend”, map, function() {
showbox();
});

Open Layer บทที่ 1

Standard
หลังจากดูคนอื่นใช้กันมานาน ก็หาโอกาสจะทำ app สักตัวที่ใช้ OpenLayers มานาน มาถึงวันนี้ก็เริ่มกันสะที

ดูรวม ๆ OpenLayers เป็น API tool ที่ใช้งานง่าย สำหรับงานง่าย ๆ เช่นเปิดมาหน้าแรก add layer ตามตัวอย่างที่มีเยอะแยะใน web

ขั้นต้นก็ add Openlayers.js
<script src=”OpenLayers.js”></script>

เริ่มต้นหากจะ add layer ก็ทำตามตัวอย่างไป คงไม่อธิบายว่าทำอย่างไรแต่เกร็ดน่าสนใจคงเป็นการ add Base/Overlay

ดูเหมือนว่าจะ detect เอาเอง โดยหากต้องการระบุให้ WMS เป็น overlay ก็ต้องเพิ่มในส่วน

transparent: “true”, format: “image/png”

var wms = new OpenLayers.Layer.WMS("NASA Global Mosaic",   <---name
"http://wms.jpl.nasa.gov/wms.cgi", <---url
{layers: "modis,global_mosaic"}, <---params
{'projection':none}); <---options

ตัวอย่างจริง

layersensor = new OpenLayers.Layer.WMS( 'sensor',"http://mizu.info.gscc.osaka-cu.ac.jp/waterwqiop/owsraster.php",
{layers: 'sensor','gszMapName':'/home/msapp/water/wcs.map','wpsoutputs':'/var/www/html/wpsoutputs/',
'resultpath':sosreference,'coln':coln.substring(4),'modelname':'sensor',transparent: "true", format: "image/png"});


ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก name,url,params และ options โดยที่สองตัวหลังจะต้องอยู่ในเครื่อง {} เพราะมีได้มากกว่าหนึ่ง

เกร็ดเล็กน้อยอีกอันก็คือ

คำสั่งเป็นการเพิ่ม หลาย Layers ในครั้งเดียว

map.addLayers([layer, lakewms]);

และ เพิ่มแค่ 1 layer

map.addLayer(layer);

จากที่พยายามทำ app ขึ้นมา ก็ใช้งานได้ดี มีความสามารถหลากหลาย มากมายแต่ คงต้องบอกว่า ตัวอย่าง (มีแต่แบบง่าย ๆ แสดงไว้) หรือ document ยังขาดแคลน ทำให้ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

Powered by ScribeFire.

WxS Mapscript non-work on NON-CGI environment

Standard
หลังจากปวดหัว ตั้งแต่เช้า ว่าอยู่ดี ๆ ทำไม script เก่า มันใช้งานไม่ได้ฟะ ในที่สุดก็ค้นพบว่า mandriva 2008 ที่ลงไปนั้นยังไม่ได้ปรับแก้ให้ ใช้ php ใน แบบ cgi ไม่ใช่แบบ mod_php

เพราะจะมีผลกับคำสั่งบางอย่างของ php-mapscript เช่น WxS Mapscript

พอสร้าง object

$request = ms_newowsrequestobj();

มันก็เงียบไป แล้วไม่มี error ใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางหน้าจอและใน log

บางอ่านบอกให้ทำการ parse จาก request url แล้วใส่เข้าไปด้วยวิธี

$request = ms_newOwsRequestObj();



foreach ($_GET as $k=&gt;$v) {

$request-&gt;setParameter($k, $v);

}



ก่อน $request-&gt;loadparams(); แต่สำหรับเราลองแล้วยังงัยก็ไม่สำเร็จ ก็ไม่เข้าใจ

ก็เลยปรับเปลี่ยนไปใช้ แบบ cgi ดีกว่า

ถ้าใครเจอปัญหาแบบนี้ลองแก้ตามข้างบนแล้วกันถ้าผ่านนะ


Powered by ScribeFire.

Mapserver 5.0.0 Change

Standard

ไม่มั่นใจ เหมือนกันว่าเป็นที่ Mapserver หรือ GDAL หรือ จากส่วนไหน แต่แน่ ๆ คือ

หากจะใช้ Layer OGR จากเดิม หากจะใช้ Labelitem หรือ Classitem จะต้องใช้

ogr:DO หรือ ogr:Name

ต่อตอนนี้นั้นไม่จำเป็นแล้ว ให้ใช้แค่ DO หรือ NAME เท่านั้น

และอยู่ดีก็เจอปัญหาแปลกเกี่ยวกับ

PHP Warning: [MapServer Error]: msProcessProjection(): no system list, errno: 2

หลายท่านแนะนำว่าให้ใส่

CONFIG “PROJ_LIB” “/usr/share/proj/”

ใน map file

หรือ ใส่ SetEnv PROJ_LIB “/usr/share/proj/”

ไปใน apache config สะ แต่บางที คิดว่ามันเป็น bug อะ เพราะ พอเกิดข้อพลาดมันก็แจ้ง แต่พอ restart apache ก็หายสะงั้น แล้วลองเอา ไอ้ proj_lib ที่ใส่ค่าไว้ทั้งหมดออกไป ระบบก็ทำงานได้ดี

Powered by ScribeFire.

Linux GPS

Standard
วันนี้ทดลองเชื่อม GPS แบบ Real Time ครั้งแรก (ซึ่งจริง ๆ แล้วแม้กระทั่ง way point ก็ไม่เคยโหลดมาก่อนเลย)

พบความยุ่งยากนิดหน่อย เกี่ยวกับเรื่อง port ได้ข้อสรุป บางประการ

1. Garmin GPS ถ้าเลือกใช้ Garmin output จะได้เฉพาะ Serial port ไม่สามารถใช้ USB port ได้

2. /dev/ttyS0 นั้นสำหรับ Serial connect และ /dev/ttyUSB0 นั้นสำหรับ USB connect


วิธีโหลด way point ด้วย gpsbabel

gpsbabel -D9 -i garmin -f /dev/ttyS0 -o gpx -F foobar.gpx

-i garmin ใช้ได้แต่ลอง -i nmae มันไม่สำเหร็จ อะ

-o gpx หรือ kml ก็ได้

วิธีต่อแบบ real time ด้วย gpsdrive

ก่อนอื่นลองดูก่อนว่าข้อมูลนั้นเชื่อมเข้ามาไหมด้วย

gpsd -p /dev/ttyS0

แล้วก็ telnet localhost 2947

จากนั้นก็ กด R

ถ้าการเชื่อมต่อผ่านไปด้วยดีก็จะมี ข้อมูลพรุ่งพรวดมา เยอะแยะ

จากนั้นก็ลองเปิดโปรแกรม gpsdrive
แล้วเปลี่ยนค่าเชื่อมต่อเป็น /dev/ttyS0 แล้วเลือก ว่าเป็น serial connection












Powered by ScribeFire.